แนะนำจังหวัด
แนะนำที่เที่ยว
ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร์
อยู่ภายในโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ถนนปราจีนอนุสรณ์ ห่างจากตัวเมืองประมาณ 2.5 กิโลเมตร เป็นตึกที่เจ้าพระยาอภัยภูเบศรสร้างขึ้นโดยทรัพย์สินส่วนตัว ในปี พ.ศ. 2452 เพื่อถวายเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในคราวเสด็จประพาสมณฑลปราจีน มีลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นตึกสองชั้นแบบยุโรป สมัยเรอเนสซองส์ มีมุขด้านหน้า ตรงกลางเป็นโดม ผนังด้านนอกเป็นปูนปั้นลายพฤกษาประดับซุ้มประตูและหน้าต่าง ภายในตกแต่งแบบตะวันตก กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแล้ว ภายในตึกจัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์การแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร โดยจะเป็นศูนย์การรวบรวมอนุรักษ์ตำราไทย สมุนไพรไทย การแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้านของจังหวัดปราจีนบุรี อีกทั้งยังเป็นแหล่งการศึกษา ค้นคว้า วิจัย และเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิตของคนท้องถิ่น ที่เกี่ยวข้องกับสมุนไพร และการแพทย์ของท้องถิ่น โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เป็นโรงพยาบาลนำร่องเรื่องการแพทย์แผนไทย ใช้สมุนไพรบำบัดยารักษาโรค มีการนวด อบ ประคบและฝังเข็ม แปรรูปสมุนไพรไทยเป็นเวชภัณฑ์และเครื่องสำอาง จำหน่ายในราคาย่อมเยา โทร. 0 3721 1088
น้ำตกเหวนรก
อยู่บนเส้นทางสายปราจีนบุรี-เขาใหญ่ เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่ของจังหวัดปราจีนบุรี นครนายก นครราชสีมา และสระบุรี เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่สวย ความสูงประมาณ 60 เมตร และมีหน้าผาสูงชัน น้ำไหลแรงสู่หุบเหวเบื้องล่างในช่วงฤดูฝน
การเดินทาง จากตัวเมืองปราจีนบุรีไปตามถนนสุวรรณศรจนถึงสี่แยกเนินหอม (เวียนศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช) แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 3077 ไปจนถึงกิโลเมตรที่ 24 ซึ่งเป็นทางขึ้นเขาใหญ่ เป็นระยะทางประมาณ 40 กิโลเมตร จะมีทางแยกขวาเข้าไปตัวน้ำตก การเดินทางที่จะเข้าไปชมน้ำตกนั้นต้องเดินเท้าเป็นระยะทาง 1 กิโลเมตร บริเวณต้นน้ำตกมีทางเดินลงไปยังจุดชมวิวน้ำตกที่สามารถมองเห็นน้ำตกเหวนรกในมุมมองที่สวยงาม
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี
ตั้งอยู่ทางด้านหลังของศาลากลางจังหวัดปราจีนบุรี ประมาณ 200 เมตร เป็นพิพิธภัณฑสถานประเภทประวัติศาสตร์โบราณคดี ก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นศูนย์รวมของโบราณวัตถุในเขต 7 จังหวัด คือ ปราจีนบุรี นครนายก ฉะเชิงเทรา ชลบุรี จันทบุรี ตราด และระยอง ภายในมีการจัดแสดงโบราณวัตถุสำคัญ ซึ่งส่วนใหญ่ได้มาจากเมืองโบราณสมัยทวารวดี อาทิ พระพุทธรูป เทวรูปเคารพในศาสนาฮินดู ศิวลึงค์ ทับหลัง เครื่องใช้สำริด และ จัดแสดงศิลปะในประเทศไทยสมัยต่างๆ ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ต่อเนื่องจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 เพื่อประโยชน์ในการศึกษาเปรียบเทียบ รวมทั้งเครื่องถ้วยสังคโลกที่พบใต้ทะเลจากบริเวณเกาะคราม จังหวัดชลบุรี นอกจากนั้นยังจัดสถานที่ส่วนหนึ่งสำหรับนิทรรศการชั่วคราวในโอกาสต่าง ๆ ด้วย พิพิธภัณฑ์เปิดให้เข้าชมวันพุธ-วันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น. ปิดวันจันทร์ วันอังคาร อัตราค่าเข้าชม ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างประเทศ 30 บาท ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 0 3721 1586
วัดแก้วพิจิตร
ตั้งอยู่ริมฝั่งด้านขวาของแม่น้ำบางปะกง ในเขตเทศบาลเมืองปราจีนบุรี ห่างจากตัวเมืองไปทางทิศตะวันออกประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นวัดเก่าแก่สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2422 โดยเศรษฐีนีใจบุญชาวปราจีนบุรีชื่อนางประมูลโภคา (แก้ว ประสังสิต) ภรรยาของขุนประมูลภักดี ต่อมาในปี พ.ศ. 2456 เจ้าพระยาอภัยภูเบศร (ชุ่ม อภัยวงศ์) ได้สร้างพระอุโบสถเพิ่มเติม จึงมีลักษณะทางสถาปัตยกรรม และลวดลายประดับอาคารผสมผสานระหว่างศิลปไทย จีน ยุโรป และเขมร สิ่งที่น่าสนใจภายในวัด ได้แก่ ฝาผนังด้านนอกพระอุโบสถมีภาพปูนปั้นเรื่องรามเกียรติ์ ภายในพระอุโบสถมีภาพวาดบนแผ่นผ้าเกี่ยวกับเรื่องราวในพระพุทธศาสนา เช่น ทศชาติชาดก มารผจญ วาดโดยช่างหลวงในรัชกาลที่ 6 ด้านหน้าพระอุโบสถมีอาคารเรียนหนังสือไทยนักธรรมบาลีเป็นอาคารคอนกรีต รูปสถูปโดม ศิลปกรีกหรือโรมันอยู่หลังหนึ่ง นอกจากนั้นภายในวัดแก้วพิจิตรยังมีหอพระไตรปิฎกและศาลาตรีมุขที่ท่าน้ำ บรรยากาศภายในวัดร่มรื่น
พิพิธภัณฑ์อยู่สุขสุวรรณ์ ตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 17 ไร่ ในเขตตำบลดงขี้เหล็ก นอกจากเป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมตะเกียงโบราณแล้ว ยังมีของเก่าที่ใช้ในชีวิตประจำวันของคนสมัยก่อน ไม่ว่าจะเป็นธนบัตรเก่า เหรียญเก่า ลอตเตอรี่เก่า ตู้ไม้สัก โต๊ะเครื่องแป้ง ตลอดจนตู้เย็นน้ำมันก๊าด พัดลมที่ใช้น้ำมันก๊าด นาฬิกาไขลาน วิทยุไม้ ตะเกียงลาน จักยานและตราชั่งเก่า ที่อีหลายคนยังไม่เคยเห็น โดยจุดสนใจและได้รับความนิยมมากก็คือลอตเตอรี่ เมื่อเดินชมรอบแล้วยังสามารถพักผ่อนบริเวณสวนสงบที่ล้อมรอบด้วยธรรมชาติอันสวยงาม ทั้งนี้ภายนอกอาคารยังมีบ่อปลาสำหรับท่านให้อาหารปลาเพื่อเป็นการพักผ่อนหย่อนใจ
พิพิธภัณฑ์อยู่สุขสุวรรณ์ อยู่ห่างจากตัวเมืองปราจีนบุรีประมาณ 6 กิโลเมตร ตั้งอยู่ที่ 135 ถ.ปราจีนตคาม ต.ดงขี้เหล็ก อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ไปทาง อ.ประจันตคามเมื่อท่านได้ก้าวเข้าสู่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ท่านจะได้พบกับตะเกียงจำนวนมากมหาศาลซึ่งมีแขวนอยู่ทุกๆที่ ไม่ว่าจะเป็นตามที่จอดรถ ร้านค้าบนเพดานตามอาคารต่างๆ แม้กระทั่งห้องน้ำอีกด้วย
กลุ่มโบราณสถานสระมรกต
ตั้งอยู่ที่วัดสระมรกต ตำบลโคกไทย เป็นกลุ่มโบราณสถานทางพุทธศาสนาขนาดใหญ่ ที่สร้างซ้อนทับกันหลายสมัย เริ่มตั้งแต่ก่อนพุทธศตวรรษที่ 14 เป็นต้นมาจนถึงพุทธศตวรรษที่ 18 ประกอบด้วยสิ่งก่อสร้างศิลาแลงและอิฐ ส่วนใหญ่คงเหลือเฉพาะรากฐานอาคารเท่านั้น ระหว่างการขุดแต่งได้ค้นพบรอยพระพุทธบาทคู่สลักอยู่บนศิลาแลง ที่ฝ่าพระบาทสลักรูปธรรมจักรนูนทั้งสองข้าง และยังมีการสลักรูปกากบาท โดยที่ตรงกลางมีหลุมสำหรับใช้ปักเสา สันนิษฐานว่ามีไว้เพื่อปักฉัตรหรือร่ม รอยพระพุทธบาทคู่นี้คาดว่าสร้างขึ้นครั้งแรกสมัยทวารวดีถึงสมัยลพบุรี นับเป็นรอยพระพุทธบาทที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย ใกล้กันมีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งพบพระพุทธรูปและโบราณวัตถุเป็นจำนวนมากนอกจากนั้นยังมี สระมรกต เป็นสระน้ำรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีขนาดกว้างประมาณ 115 เมตร ยาว 214 เมตร ลึก 3.50 เมตร มีพื้นที่ประมาณ 25 ไร่ สันนิษฐานว่าขุดขึ้นมาเพื่อใช้เป็นแหล่งน้ำ และได้นำศิลาแลงไปใช้เป็นสถาปัตยกรรม นอกจากสระมรกตแล้วยังมี สระบัวหล้า และ ศูนย์นิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับโบราณสถานเมืองศรีมโหสถการเดินทาง จากตัวเมืองปราจีนบุรีไปตามถนนสุวินทวงศ์ ใช้เส้นทางหมายเลข 319 สายปราจีนบุรี-อำเภอพนมสารคาม ระยะทางประมาณ 23 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายไปอีกประมาณ 500 เมตร ก็จะถึงกลุ่มโบราณสถานแห่งนี้
ต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ์
อยู่ในเขตวัดต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ์ ตำบลโคกปีบ ภายในวัดมีต้นโพธิ์ขนาดใหญ่ เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย สันนิษฐานว่าเป็นหน่อจากต้นพระศรีมหาโพธิ สถานที่ตรัสรู้จากพุทธคยา ประเทศอินเดีย มีอายุกว่า 2,000 ปี ซึ่งนำเข้ามาปลูกเป็นต้นแรก ลำต้นวัดโดยรอบประมาณ 20 เมตร สูงประมาณ 30 เมตร มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 25 เมตร ตามตำนานกล่าวว่า พระเจ้าทวานัมปะยะดิษฐ์ เจ้าครองเมืองศรีมโหสถในสมัยขอมเรืองอำนาจทรงเลื่อมใสในพุทธศาสนา จึงได้ส่งคณะทูตเดินทางไปขอกิ่งต้นโพธิ์ที่พระพุทธเจ้าประทับเมื่อคราวตรัสรู้ จากเจ้าผู้ครองนครปาตุลีบุตร ประเทศอินเดีย แล้วนำกิ่งโพธิ์นั้นมาปลูกที่วัดต้นโพธิ์ศรีมหาโพธิ ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดปราจีนบุรี ในวันวิสาขบูชาจะมีงานนมัสการต้นพระศรีมหาโพธิการเดินทาง จากตัวเมืองปราจีนบุรีไปตามถนนสุวินทวงศ์ ใช้เส้นทางสายปราจีนบุรี-อำเภอพนมสารคาม ทางหลวงหมายเลข 319 ระยะทางประมาณ 22 กิโลเมตร แล้วแยกซ้ายเข้าไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตรก็จะถึงวัดแห่งนี้
โบราณสถานเมืองศรีมโหสถ
ตั้งอยู่ที่บ้านโคกวัด ตำบลโคกปีบ เป็นเมืองโบราณสมัยทวารวดีขนาดใหญ่ มีลักษณะเป็นรูปไข่ หรือสี่เหลี่ยมผืนผ้ามุมมน มีเนื้อที่ประมาณ 700 ไร่ ลักษณะของเมืองมีคูเมือง และคันดินกำแพงเมืองล้อมรอบคูน้ำ ภายในเมืองมีโบราณสถาน เนินดิน สระน้ำ บ่อน้ำ กระจัดกระจายอยู่ทั่วไปกว่า 100 แห่ง สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยทวารวดี หลักฐานส่วนใหญ่ที่พบมักจะเกี่ยวเนื่องกับศาสนาพราหมณ์หรือฮินดู เช่น เทวาลัย เทวรูป ศิวลึงค์ โบราณสถานที่สำคัญในเมืองศรีมโหสถประกอบด้วย กลุ่มโบราณสถานกลางเมือง อายุราวพุทธศตวรรษที่ 18 เป็นหมู่เทวาลัย ฐานก่อด้วยศิลาแลง ด้านบนก่อด้วยอิฐ ด้านหลังมีบ่อน้ำก่อด้วยศิลาแลง โบราณวัตถุที่ขุดพบ ได้แก่ เทวรูปต่าง ๆ และเศษเครื่องปั้นดินเผา สมัยลพบุรี สุโขทัย อยุธยา และรัตนโกสินทร์ ภูเขาทอง เป็นเจดีย์รูปกลม ลักษณะเหมือนโอคว่ำ สมัยทวารวดี โบราณสถานหมายเลขที่ 25 เป็นเทวาลัย รากฐานอาคารเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ก่อด้วยศิลาแลง อายุราวพุทธศตวรรษที่ 11-12 โบราณสถานสระแก้ว เป็นโบราณสถานที่เป็นสระน้ำโบราณ สระน้ำขุดลงไปในชั้นของศิลาแลงธรรมชาติ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้นอกเมืองศรีมโหสถ ตัวสระเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส มีทางลงทำเป็นขั้นบันได ผนังขอบสระทุกด้านมีการแกะสลักภาพนูนต่ำเป็นรูปสัตว์ต่างๆ เช่น รูปช้าง สิงห์ หมู กินรี งูพันเสา สัตว์เหล่านี้เป็นสัตว์ชั้นสูง สันนิษฐานว่าเป็นสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ประกอบพิธีทางศาสนา อายุราวพุทธศตวรรษ ที่ 6-11
การเดินทาง จากตัวเมืองปราจีนบุรี ไปตามทางหลวงหมายเลข 319 ระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 3070 อีกประมาณ 1 กิโลเมตร เมืองโบราณจะอยู่ทางด้านขวามือ
อนุสาวรีย์ลายฝีพระหัตถ์
ตั้งอยู่ที่ตำบลหนองโพรง อนุสาวรีย์ลายฝีพระหัตถ์นี้เป็นลายพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งได้เสด็จประพาสปราจีนบุรี เมื่อปี พ.ศ. 2451 ทรงจารึกไว้บนแผ่น ศิลาแลง ซึ่งเป็นซากโบราณวัตถุสมัยลพบุรี อายุราวพุทธศตวรรษที่ 12-13
การเดินทาง อนุสาวรีย์อยู่เลยจากที่ว่าการอำเภอศรีมหาโพธิไปทางบ้านโคกขวาง ประมาณ 1.5 กิโลเมตร โดยอยู่เยื้องทางเข้าหลุมเมือง
น้ำตกตะคร้อ และน้ำตกสลัดได
ตั้งอยู่ที่บ้านตะคร้อ ตำบลบุฝ้าย น้ำตกตะคร้อ อยู่ห่างจากด่านตะคร้อ ประมาณ 500 เมตร เป็นน้ำตกที่มีลักษณะเป็นแก่งน้ำกว้าง มีสะพานแขวนทอดข้ามน้ำตกตะคร้อ ฝั่งซ้ายของลำธารเป็นเนินเขา ส่วนทางด้านฝั่งขวาเป็นป่าโปร่ง เหมาะแก่การพักผ่อน จากน้ำตกตะคร้อมีทางเดินเท้าต่อไปอีกประมาณ 2 กิโลเมตร จะถึง น้ำตกสลัดได เป็นน้ำตกที่มีความสวยงาม หากจะเดินทางเข้าไปชมน้ำตกสลัดไดควรติดต่อขอเจ้าหน้าที่นำทางจาก หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ 10 ที่ตั้งอยู่บริเวณน้ำตกตะคร้อการเดินทาง จากตัวเมืองปราจีนบุรีไปตามทางถนนปราจีนบุรี-ประจันตคาม เส้นทางหลวงหมายเลข 3452 ระยะทางประมาณ 16 กิโลเมตร ให้เลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 33 จนถึงสี่แยกประจันตคาม แล้วเลี้ยวซ้ายไปตามถนน รพช. หรือจะใช้เส้นทางสี่แยกเนินหอมแล้วเลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 33 จนถึงสี่แยกประจันตคาม ให้เลี้ยวซ้ายไปตามถนน รพช. ประมาณ 16 กิโลเมตร และเดินเท้าต่อไปอีกประมาณ 500 เมตร จนถึงตัวน้ำตกตะคร้อ
น้ำตกธารทิพย์
ตั้งอยู่ที่บ้านเนินหินตั้ง ตำบลหนองแก้ว เป็นธารน้ำที่ไหลผ่านชั้นหินต่างระดับ บางช่วงไหลผ่านลานหินบริเวณกว้าง บางช่วงเป็นแอ่งน้ำลึก สามารถลงเล่นน้ำได้ มีลานหินสำหรับนั่งพักผ่อน ฝั่งซ้ายของลำธารลักษณะค่อนข้างสูงชัน สภาพโดยทั่วไปยังเป็นป่าที่คงความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติ บรรยากาศร่มรื่น เหมาะเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจเป็นอย่างดีการเดินทาง ใช้เส้นทางเดียวกันกับน้ำตกตะคร้อ จะมีทางแยกซ้ายมือ ตรงบริเวณกิโลเมตรที่ 9 และเข้าไปอีกประมาณ 9 กิโลเมตร
น้ำตกส้มป่อย
ตั้งอยู่ที่บ้านเขาน้อย ตำบลบุฝ้าย เป็นน้ำตกที่ไม่สูงมากนัก ไหลลดหลั่นผ่านแก่งหิน เป็นระยะทางยาวประมาณ 400 เมตร มีแอ่งน้ำที่ลงเล่นน้ำได้ตลอดลำธารการเดินทาง ใช้เส้นทางเดียวกันกับน้ำตกธารทิพย์ ก่อนถึงน้ำตกตะคร้อจะมีแยกซ้ายมือบริเวณกิโลเมตรที่ 14 เข้าไปจนถึงตัวน้ำตกอีกประมาณ 1.5 กิโลเมตร
แก่งหินเพิง
ตั้งอยู่ที่ตำบลสะพานหิน อำเภอนาดี เป็นแก่งหินขนาดใหญ่ที่สวยงามอยู่ในลำน้ำใสใหญ่
อยู่ในเขตความรับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ที่ 9 อำเภอนาดี เป็นแหล่งท่องเที่ยว
ที่มีชื่อเสียงที่เหมาะแก่การล่องเรือยางที่ท้าทาย และสนุกสนาน ในช่วงฤดูฝนราวเดือน
กรกฎาคม-พฤศจิกายน เป็นช่วงที่มีปริมาณน้ำหลาก ล้นแก่ง และไหลลดหลั่นเป็นชั้น ๆ
เหมาะสำหรับการล่องแก่งหินเพิง หากพ้นช่วงฤดูฝนไปแล้วแก่งหินเพิงนี้จะกลายเป็นลานโขดหินกว้างใหญ่
การล่องแก่งหินเพิงจะผ่านแก่งต่าง ๆ ได้แก่ แก่งหินเพิง แก่งวังหนามล้อม แก่งวังบอน แก่งลูกเสือ
แก่งวังไทร แก่งงูเห่า ใช้ระยะเวลาในการล่องแก่งประมาณ 45 นาที นักท่องเที่ยวสามารถติดต่อ
บริษัทนำเที่ยวที่จัดกิจกรรมในการล่องแก่งหินเพิง และสามารถพักค้างแรมแบบแค้มปิ้ง
หรือพักรีสอร์ทในเขตอำเภอนาดีได้
การเดินทาง ใช้เส้นทางสายอำเภอกบินทร์บุรี-จังหวัดนครราชสีมา เส้นทางหลวงหมายเลข 304
จากปากทางกิโลเมตรที่ 11 เข้าไปประมาณ 25 กิโลเมตร แล้วจอดรถไว้ที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ
เขาใหญ่ หน่วยความรับผิดชอบที่ 9 และต้องเดินเท้าเข้าไปอีกประมาณ 45 นาที ก็จะถึงแก่งหินเพิง
อุทยานแห่งชาติทับลาน

ที่อยู่อยู่ในเขตพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว อ.ปักธงชัย อ.ครบุรี อ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา และ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี
การติดต่อ-สำรองที่พัก อุทยานแห่งชาติทับลานมีสถานที่กางเต็นท์ ค่ายพักแรม และร้านค้าสวัสดิการไว้บริการ
โทร.037-219408 หรืองานบริการบ้านพัก ส่วนอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้ โทร.02-5795269 , 02-5797223 ,
02-5795734 , 02-5614292-3 ต่อ 724,725
ติดต่อสอบถาม - สถานที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติทับลานที่ ทง.13 (สวนห้อม) หมู่ที่ 2 ต.วังน้ำเขียว
อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา โทร. 037-219408 อุทยานแห่งชาติทับลาน หรือ โทร. 09-9835819
,01-3846613 คุณชัยรัตน์(สวนห้อม)
ประเภท แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ และ ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์

อุทยานแห่งชาติทับลาน (Tub Lan National Park) ได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 39
เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม พ.ศ.2524 เป็นอุทยานที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ มีขนาดพื้นที่ประมาณ
2,240 ตารางกิโลเมตร(1,400,000 ไร่) อยู่ในเขตพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว อ.ปักธงชัย อ.ครบุรี อ.เสิงสาง
จ.นครราชสีมา และ อ.นาดี จ.ปราจีนบุร ี จุดเด่นของที่นี่อยู่ที่ป่าลานผืนใหญ่ผืนสุดท้ายของประเทศไทย
และมีผืนป่าสมบูรณ์ที่เป็น ต้นน้ำลำธารสำคัญหลายสายที่ไหลรวมกันเป็นแม่น้ำมูลและแม่น้ำบางปะกง
หล่อเลี้ยงคนภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกมาเนิ่นนาน

ภูมิสัณฐาน พืชพรรณและสัตว์ป่า ด้วยความกว้างใหญ่ของพื้นที่กว่าล้านไร่ โดยมีสภาพภูมิประเทศประกอบด้วยเทือกเขาน้อยใหญ่ต่อเนื่องเป็นบริเวณกว้างไปถึงอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
ทำให้ที่นี่เป็นผืนป่าอนุรักษ์ที่สำคัญยิ่ง มียอดเขาละมั่งเป็นยอดเขาสูงสุดสูงประมาณ 992 เมตร สภาพป่า
ส่วนใหญ่เป็นเหียง พลวง แดง ประดู่ พยุง ชิงชัง ยางแดง ยางขาว มะค่าโมง ตะแบก และที่สำคัญ คือต้นลาน
ที่ขึ้นทั่วไปในป่าดิบแล้ง สัตว์ป่าที่พบมีทั้งช้างป่า กระทิง กวาง เก้ง เสือโคร่ง หมีควาย แมวดาว แมวป่า และนกนานาชนิด การที่เป็นภูเขาต่อเนื่องกันก่อให้เกิดลำห้วยหลายสาย เช่น ห้วยขมิ้นคลองตาคำ ห้วยปลาก้าง ห้วยสวย น้ำหอม
ซึ่งไหลรวมกันเป็นแม่น้ำมูลและแม่น้ำบางปะกง

แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญและกิจกรรมที่น่าสนใจ (Main Tourist Attraction and Interesting Activities)
การเดินป่าศึกษาธรรมชาติ (Hiking/Trekking) ป่าลาน เป็นป่าลานขนาดใหญ่ผืนสุดท้ายของประเทศไทย
ต้นลานเป็นไม้ที่มีมาแต่ยุคดึกดำบรรพ์ จะออกช่อดอกที่ยอดที่อายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป ลานต้นหนึ่งมีดอกมากกว่า
60 ล้านดอก เมื่อออกดอกแล้วจะตาย บรรยากาศร่มรื่นจึงเหมาะแก่การพักผ่อนและจัดค่ายพักแรม
ดูนก (Bird Watching) เป็นอีกกิจกรรมที่ได้รับความนิยมและสนใจจากนักท่องเที่ยว
การเข้าค่าย (Nature Camp) ทางอุทยานเปิดให้บริการเข้าค่ายศึกษาธรรมชาติในทุกรูปแบบ สามารถติดต่อล่วงหน้า
ทางอุทยานจะมีเจ้าหน้าที่ที่มีประสบการณ์พาเดิน ศึกษาตามเส้นทางต่าง ๆ พร้อม การบรรยาย และ นำจัดกิจกรรมต่าง ๆ
ทั้งในอาคาร และ ในสภาพธรรมชาติ สอบถามรายละเอียดได้ตามที่อยู่ และ โทรศัพท์ข้างบน
สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
1. เต็นท์โดมขนาด 6 คน พร้อมเครื่องนอน 500 บาท/คืน มี 6 หลัง
2. เต็นท์โดมขนาด 3 คน พร้อมเครื่องนอน 250 บาท/คืน มี 14 หลัง
3. เตาแก๊สปิกนิก 20 ถัง
4. เตาถ่านพร้อมถ่าน
5. ตะเกียงเจ้าพายุ 20 ดวง
6. ชุดหม้อสนาม 20 ชุด
มีสถานที่กางเต็นท์ 4 แห่ง รองรับได้ 300 เต็นท์ บ้าน 2 หลัง มีจุดชมวิว 4 จุดเห็นทิวทัศน์บริเวณอุทยานแห่งชาติทับลาน
ฤดูฝนมีหมอกและทะเลหมอกตลอดเวลา ฤดูหนาวจะมีหมอกปกคลุม จะเย็นสบายตลอดปี
ค่าใช้จ่าย
ค่าธรรมเนียมผ่านด่าน
ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท
รถยนต์คันละ 30บาท
รถจักรยานยนต์คันละ 20 บาท
ค่าสถานที่กางเต็นท์ 30 บาท/หลัง/คืน
ค่าเต็นท์ให้เช่าขนาด 6 คน พร้อมเครื่องนอน ราคา 500 บาท/คืน
ค่าเต็นท์ให้เช่าขนาด 3 คน พร้อมเครื่องนอน ราคา 250 บาท/หลัง/คืน
ค่าวิทยากรของอุทยาน 8 คน ระยะเวล 2 วัน 1 คืน 2000 ระยะเวลา 3 วัน 2 คืน3500 บาท/แพ็คเกจ
อาหาร รับได้เฉพาะคณะไม่เกิน 30 คน ราคา 60 บาท/คน/มื้อ (อาหาร 2 อย่าง + น้ำดื่ม)
น้ำตกที่อยู่ในเขตอุทยาน (Waterfall) มีถึง 4 แห่ง น้ำตกห้วยใหญ่ น้ำตกห้วยขมิ้น และ น้ำตกสวนห้อมน้ำตกห้วยใหญ่เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ สูง 60 เมตร กว้าง 30 เมตร หน้าผาตรงบริเวณน้ำตกโค้งเป็นมุม 150 องศา และมีอีกหลายน้ำตกที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน ตัวน้ำตกตั้งห่างจากทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 304 ราว 6 กิโลเมตร สามารถเข้าได้จากซอยเทศบาล 4 ตรงตลาด 79 อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา เป็นถนนคอนกรีตบางส่วน และ ทางลูกรังบางส่วน สามารถนำรถเข้าไปได้ น้ำตกเหวนกกก น้ำตกเหวนกกก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่สวยงาม ตั้งอยู่ในเขต อ.นาดี สายน้ำไหลมาจากลานผากว้าง สูง 20 เมตร ลดหลั่นลงสู่ลานหินมีน้ำเฉพาะช่วงหน้าฝน ถ้าไปจากด้านอำเภอวังน้ำเขียว ตามทางหลวงหมายเลข 304 ทางเข้าอยู่เลยที่ทำการอุทยานฯ ไปประมาณ 3 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเข้าไปอีก 4 กิโลเมตร
จากนั้นเดินเท้าขึ้นเขาต่อระยะทาง 5 กิโลเมตร


เขื่อนลำมูลบน เป็นเขื่อนที่กรมชลประทานสร้างขึ้นกั้นลำน้ำมูลตอนบน ซึ่งเป็นต้นน้ำของแม่น้ำมูลที่เกิดจากผืนป่าทับลานเป็นจุดชมทิวทัศน์ที่ดี สามารถเห็นทัศนียภาพของอ่างเก็บน้ำได้กว้างไกล มีร้านอาหารบริการ จากทางหลวงหมายเลข 304 บริเวณกิโลเมตรที่ 92 มีทางแยกเข้าไปอีก 20 กม. จะถึงตัวเขื่อน
หาดชมตะวัน เป็นชายหาดยาว 300 เมตร ริมเขื่อนลำปลายมาศเป็นสถานที่ที่ผู้คนนิยมมาพักผ่อนหย่อนใจและเล่นน้ำ มีเรือให้เช่าชมทิวทัศน์โดยรอบ

การเดินทาง การเดินทางสู่ที่ทำการอุทยานแห่งชาติทับลานโดยรถยนต์สามารถมาได้ 2 เส้นทางคือ
เส้นทางที่ 1 จากกรุงเทพฯ ถึงอุทยานแห่งชาติทับลานใช้เส้นทางองครักษ์-นครนายก-ปราจีนบุรี ระยะทางรวมประมาณ 197 กิโลเมตร ที่ทำการอุทยานฯ ห่างจากสี่แยกกบินบุรีใหม่ไปตามทางหลวงหมายเลข 304 (กบินทร์บุรี-โคราช) ราว 32 กิโลเมตร ขับขี่สะดวกสบายตลอดเส้นทาง
เส้นทางที่ 2 จากนครราชสีมาใช้เส้นทางปักธงชัย-ถนนสาย 304 ระยะทาง 107 กิโลเมตร เส้นทางสะดวกขับสบายตลอดเส้นทาง
การเดินทางสู่ศูนย์การจัดการอุทยานแห่งชาติทับลาน (ลำปลายมาศ) ใช้ทางหลวงหมายเลข 2119 (ครบุรี-เสิงสาง) 89 กม.ถึง อ.เสิงสาง ต่อทางหลวงหมายเลข 2356 (เสิงสาง-หาดชมตะวัน) 15 กิโลเมตร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น